การเลี้ยงไหมแบบครัวเรือน
แหล่งที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงไหม
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงไหม อุณหภูมิอยู่ในช่วง 20 – 35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65 – 80 เปอร์เซ็นต์
โรงเลี้ยงไหมต้องห่างไกลจากแหล่งการใช้สารเคมีทางการเกษตร และโรงงานอุตสาหกรรม
สภาพโรงเลี้ยง
1) สร้างในแนวตะวันออกและตะวันตก
2) สะดวกต่อการทำความสะอาด และสามารถที่จะฉีดอบสารเคมีเพื่อ ฆ่าเชื้อโรค
3) มีการถ่ายเทอากาศได้ดี
4) สามารถป้องกันศัตรูหนอนไหมได้ เช่นแมลงวันลาย จิ้งจก ตุ๊กแก หนู และมด
5) ควรปลูกต้นไม้ยืนต้นรอบ ๆ โรงเลี้ยงเพื่อลดความร้อนจากแสงแดด
ขนาดโรงเลี้ยง สำหรับเลี้ยงไหม 2 แผ่น :ไหมพันธุ์ไทยลูกผสม ใช้ขนาด 4 x 7 เมตร ชั้นเลี้ยง ขนาด 1.2 x 5 เมตร จำนวน 3 ชั้น (2 ชุด)
ปัจจัยสำคัญในการสร้างโรงเลี้ยงไหม
1) โรงเลี้ยงไหมควรอยู่ห่างจากบ้านพักอาศัยประมาณ 10 – 20 เมตร เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาดและการฉีดอบสารเคมีฆ่าเชื้อโรค
2) หลังคาควรเลือกวัสดุที่เป็นฉนวนกันความร้อน และน้ำได้ดี พื้นห้องควรใช้คอนกรีต ผนังโรงเลี้ยงก่อด้วยคอนกรีตสูงจากพื้นประมาณ 50 ซม. ส่วนที่เหลือใช้ตาข่ายไนล่อนตีเป็นผนังถึงระดับเพดานห้อง
3) ควรมีห้องมืดขนาด 1.5 x 1.0 เมตร สำหรับดักแมลงวันลาย
4) ควรมีห้องเก็บใบหม่อนที่สามารถเลี้ยงไหมได้ 2 เวลา
วัสดุและอุปกรณ์
วัสดุและอุปกรณ์การเลี้ยงไหมที่จำเป็นสำหรับเลี้ยงไหมจากไข่ไหม 1 แผ่น มีดังนี้
-อุปกรณ์วัดอุณหภูมิความชื้น 1 ชุด
-มีดและเขียง( หรือเครื่องหั่นใบหม่อน ) 1 ชุด
-เครื่องฉีดฟอร์มาลีน 1 เครื่อง
-กรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้ 1 อั น
-เครื่องลอกปุยไหม 1 ชุด
-เครื่องชั่ง (ขนาดชั่งน้ำหนักสูงสุด 15 กิโลกรัม) 1 เครื่อง
-ตะแกรงร่อนแป้ง (ชนิดที่มีตาถี่) 1 อัน
-ตาข่ายสำหรับถ่ายมูลไหมวัยอ่อน (ขนาดช่องตาข่าย1 x 1 ซม.2) ขนาด 100 ซม. X 80 ซม.10 ผ
-ตาข่ายสำหรับถ่ายมูลไหมวัยแก่ (ขนาดช่องตาข่าย 3 x 3 ซม.2) ขนาด 100 ซม. X 80 ซม.30 ผืน
-จ่อแบบลูกคลื่น 50 อัน
-จ่อกระด้ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.50 เมตร 20 อัน
-ตะกร้าเก็บใบหม่อน 2 ใบ
-เข่งใส่ใบหม่อน 8 ใบ
-ตะกร้าให้อาหาร 4 ใบ
-ขนนก 1 อัน
-รองเท้าแตะ 1-2 คู่
-ผ้าคลุมหม่อน 5 ผืน
-ตะเกียบไม้ไผ่ 2 คู่
-ปูนขาวชนิดผงละเอียด 2 - 3 กิโลกรัมหรือแกลบเผา 100 ลิตร
-สารเคมีป้องกันโรคไหมชนิดผง 1 กิโลกรัม
-กระดาษรองกระด้ง (ขนาด 80 ซม. x 100 ซม.) 40 แผ่น
-กระดาษหนังสือพิมพ์เก่า 5 กก.
-ผงซักฟอก 1 กิโลกรัม
-สบู่ล้างมือ 1 ก้อน
-สารฟอร์มาลีน 3 % (ฟอร์มาลีน 40 % จำนวน 1 ส่วน ผสมน้ำ 13 ส่วน หรือน้ำคลอรีน (คลอรีน 60% 1 กิโลกรัม ผสมน้ำ 200 ลิตร)
-ใช้ฉีดพ่นอัตรา 1 ลิตร / ตารางเมตร
-ผงซักฟอก 1-2 กิโลกรัม
-สบู่ล้างมือ 1 ก้อน
พันธุ์ไหม
พันธุ์ไหมไทย
1) พันธุ์ไหมไทยนางน้อยศรีสะเกษ 1
ลักษณะดีเด่น
1. เลี้ยงได้ง่าย มีความแข็งแรงสูง
2. อายุหนอนไหมสั้น เวลาในการเลี้ยงประมาณ 18 วัน
3. ผลผลิตต่อแผ่น/กล่อง 10 -12 กิโลกรัม
4. สาวไหมง่าย เส้นไหมสีเหลืองเข้ม
2) พันธุ์ไหมไทยนางน้อยสกลนคร
ลักษณะดีเด่น
1. ให้ผลผลิตต่อแผ่นไข่ไหม 15 -20 กิโลกรัม
2. พ่อแม่พันธุ์แยกเพศได้ในระยะหนอนไหม ทำให้สะดวกในการผลิตไข่ไหม
พันธุ์ไหมไทยลูกผสม
1) พันธุ์ไหมไทยลูกผสมอุบลราชธานี 60-35 (ดอกบัว)
ลักษณะดีเด่น
1. เลี้ยงได้ง่าย มีความแข็งแรงสูง
2. อายุหนอนไหมสั้น เวลาในการเลี้ยงประมาณ 18 วัน
3. ผลผลิตต่อแผ่น/กล่อง 15 -16 กิโลกรัม
4. เปอร์เซ็นต์การสาวง่าย 63 %
2) พันธุ์ไหมไทยลูกผสมสกลนคร
ลักษณะดีเด่น
1. มีความยาวเส้นใยยาวและสาวง่าย
2. มีความแข็งแรงเลี้ยงได้ตลอดปี
3. ผลผลิตต่อแผ่น/กล่อง 21.4 กิโลกรัม
4. เปอร์เซ็นต์การสาวง่าย 71%
3) พันธุ์ไหมไทยลูกผสมอุดรธานี
ลักษณะดีเด่น
1. มีความแข็งแรงเลี้ยงได้ตลอดปี
2. มีความต้านทานต่อโรคแกรสเซอรี่ (โรคเต้อ)
3. ผลผลิตต่อแผ่น/กล่อง 15 – 16 กิโลกรัม
4. เปอร์เซ็นต์การสาวง่าย 66%
4) พันธุ์ไหมไทยลูกผสมสกลนคร 2
ลักษณะดีเด่น
1. เป็นพันธุ์ไหมไทยลูกผสมที่มีความแข็งแรงต้านทานต่อเชื้อที่ทำให้เกิดโรคแกรสเซอรี่
2. มีเส้นใยยาวและสาวง่าย
3. ให้ผลผลิตต่อแผ่น / กล่อง (1 แผ่น = 2000 ตัว) 25 -30 กิโลกรัม
การจองและรับไข่ไหม
1) การ สั่งจองไข่ไหม ควรทำแผนการเลี้ยงไหมตลอดปีกับศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ โดยแจ้งชื่อที่อยู่ วัน เดือน ปี ที่เลี้ยงแต่ละรุ่นและจำนวนไข่ไหม ส่งให้ทราบล่วงหน้าต้นปี
2) การยืนยันความต้องการไข่ไหมทุกรุ่น ควรแจ้งก่อนการเลี้ยงไหมอย่างน้อย 20 วัน
3) การรับไข่ไหม ควรจะตรงเวลาและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ โดยเคร่งครัด
4) การขนส่ง ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือช่วงเช้าหรือเย็น
5) ปฏิบัติตามระเบียบสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯในการจำหน่ายจ่ายแจกพันธุ์
วิธีการเลี้ยงไหม
การเตรียมการเลี้ยงไหม
1) เตรียมสวนหม่อนเลี้ยงไหมในระดับครัวเรือนซึ่งจะต้องใช้ใบหม่อนในการเลี้ยงจนถึงไหมทำรังประมาณ 300 – 400 กิโลกรัม/แผ่น (กล่อง)
2) ทำความสะอาดโรงเลี้ยงและอุปกรณ์ต่างๆ โดยการล้างทำความสะอาด หรือนำไปผึ่งแดดแล้วนำไปฉีดอบฟอร์มาลีน 3 %ในโรงเลี้ยงอัตรา 1 ลิตร/ตารางเมตร โดยอบทิ้งไว้อย่างน้อย 2 วัน จึงเปิดโรงเลี้ยงให้กลิ่นฟอร์มาลีนระเหยอย่างน้อย 1 วัน จึงจะเข้าเลี้ยงไหมได้
(ส่วนผสมฟอร์มาลีน 3 % = ฟอร์มาลีน 40% 1 ส่วน ต่อน้ำ 13 ส่วน)
3) เตรียมสารเคมีโรยตัวไหม เพื่อใช้โรยบนตัวไหมตอนเลี้ยงแรกฟัก และไหมตื่นทุกวัยใช้ประมาณ 1 กิโลกรัม/แผ่น (กล่อง) หรือคลอรีนผง 3.5 % (คลอรีน 60% จำนวน 1 ส่วนผสมกับปูนขาว 17 ส่วน)
4) เตรียมแกลบเผาและ/หรือ ปูนขาวโรยบนตัวไหมในระยะหนอนไหม เพื่อลดความชื้น
5) เตรียมภาชนะใส่เศษใบหม่อนและมูลไหม
การเลี้ยงไหม
วิธีการเลี้ยงไหมวัยอ่อน(วัย 1 – 3)
- ให้ใบหม่อนหั่นประมาณ 80 กรัม โรยให้สม่ำเสมอ หลังจากนั้นให้ใบหม่อนเลี้ยงไหมอีก 2 ครั้งในวันแรกนี้
- เพื่อ ป้องกันใบหม่อนเหี่ยวเร็วและควบคุมความชื้นให้เหมาะสมกับหนอนไหมวัยอ่อนควร คลุมด้วยใบตองหรือผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือแผ่นพลาสติกที่สะอาด
2. การให้อาหาร ไหมจะเจริญเติบโตได้ดีต้องกินใบหม่อนสด มีคุณภาพดี ปริมาณเพียงพอ ตามเวลาที่กำหนดโดยเลี้ยงวันละ 3 มื้อ กลางวันให้ 2 เท่าของมื้อเช้า ส่วนมื้อเย็นให้ 4 เท่าของมื้อเช้า เนื่องจากระยะเวลากินยาวกว่า ใช้ปริมาณใบหม่อนประมาณ 22 – 25 กิโลกรัม/แผ่น(กล่อง) สำหรับการเลี้ยงไหมแบบสหกรณ์ จะใช้ใบหม่อนประมาณ 8 – 9 กิโลกรัม/แผ่น (กล่อง)
วิธีเลี้ยงไหมวัยแก่ (วัย 4 – 5)
1. ระยะการเลี้ยงแต่ละวัย
- วัยที่ 4 ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 3 วัน นอน 11/2 วัน
- วัยที่ 5 ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 6 – 7 วัน ไหมจะสุกทำรัง
2. การปฏิบัติในการเลี้ยงไหมวัยแก่
- ไหมวัย
การเก็บและการให้ใบหม่อน
การเก็บใบหม่อนเลี้ยงไหมวัยอ่อน ควรเก็บใบหม่อนให้เหมาะสมกับวัยดังนี้
- วัยที่ 1 เก็บใบใต้ยอดลงมาใบที่ 1 – 3 หรือเด็ดยอด
- วัยที่ 2 เก็บใบต่ำลงมาใบที่ 4–6 หรือใช้กรรไกรตัดกิ่งใบที่ 1 – 6
- วัยที่ 3 เก็บใบต่ำลงมาใบที่ 7–10 หรือใช้กรรไกรตัดกิ่งใบที่1–10 หรือตัดใบกิ่งสีเขียว
การให้ใบหม่อน
- วัยที่ 1 ให้หม่อนหั่นมีขนาดกว้าง 0.5 – 1.0 ซม.ความยาว 3 – 4 เท่าของความกว้าง
- วัยที่ 2 ให้หม่อนหั่นกว้าง 1.50 – 2 ซม.
- วัยที่ 3 ให้หม่อนหั่นกว้าง 2.5 – 3 ซม.
วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น